บทความ บทความทั่วไป


โพสเมื่อ 08 Mar 2019 20:20:19 2142 view




Dietrich Mateschitz เจ้าแห่งเครื่องดื่มชูกำลัง

Dietrich Mateschitz เจ้าแห่งเครื่องดื่มชูกำลัง

ผู้พาRed Bull บุกตลาดโลก

            Dietrich Mateschitz อภิมหาเศรษฐีผู้รวยที่สุดติดอันดับหนึ่งของประเทศออสเตรีย และเป็นผู้พาเครื่องดื่มชูกำลังเกิดในไทย แต่ดังไกลไปทั่วโลก โดยเขากอดคอร่วมกับ”โกเหลียว-เฉลียว อยู่วิทยา” อธิมหาเศรษฐีระดับตำนานของเมืองไทย จนกลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง  Red Bull สามารถเขย่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ทำยอดขายสูงถึง 5.4พันล้านกระป๋อง ขยายมาแล้วกว่า165ประเทศทั่วโลก มูลค่าในทรัพย์กว่า 10.8 พันล้านเหรียญ

ดีทริช เมเทสซิกซ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เครื่องดื่มให้พลังงานกระทิงแดง เกิดเมื่อปี 20 พ.ค 2487 ในออสเตรีย ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากพ่อแม่ของเขาแยกทางกันตั้งแต่เขายังเล็ก แต่กลับไม่ทิ้งการเรียน เขาจบการศึกษาจาก Vienna University ด้านเศรษฐศาสตร์ และบริหารธุรกิจด้านการตลาด เมื่อจบออกมาเขาได้ทำงานเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย และเครื่องสำอางเยอรมัน และทำการตลาดให้ยาสีฟัน Blendax จนได้มีโอกาสพบเครื่องดื่มกระทิงแดง เมื่อเขาได้เดินทางมาประเทศไทยในปี ค.ศ.1982 หรือพ.ศ.2525 ได้ลองดื่มเครื่องดื่มกระทิงแดงเพื่อกระหายจากความเมื่อยล้าในการเดินทางจากเครื่องบิน แล้วเกิดความประทับใจ เลยอยากต่อยอดธุรกิจ ด้วยการมาเจรจากับคุณเฉลียว เพื่อโน้มน้าวชักจูงนำเครื่องดื่มกระทิงแดงสู่ตลาดในยุโรป

ในปีพ.ศ.2527 จึงร่วมลงทุนก่อตั้ง “บริษัท Red Bull GmbH” กับมหาเศรษฐีของประเทศไทย คุณเฉลียว อยู่วิทยา โดยถือหุ้น 49% และนายเฉลิม ลูกชายคนโตถือหุ้นอีก 2%  และเมเทสซิกซ์ 49% เพื่อผลิตและจำหน่ายกระทิงแดงในยุโรป ภายใต้ยี่ห้อ เรดบูล (Red Bull) โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศออสเตรีย ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวเท่านั้น จนบุกตลาดแตก และตามมาด้วย ASR บนFlickr Mateschitz ในปี2527 โดยใช้กลยุทธ์ในการสร้างฐานตลาด คือแจกสินค้าให้ทดลองชิม บวกกับการวางตำแหน่งสินค้า เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน ระดับพรีเมียม โดยวางตำแหน่งของคนไว้เป็นเครื่องดื่ม สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย หรือคนทำงานที่ต้องการความสดชื่นและตื่นตัว ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมสนับสนุนการแข่งขันแบบโลดโผน แข่งขันสกี และรถฟอร์มูล่าวัน ทำให้เขาใช้เวลาถึง 3 ปีเพื่อปรับปรุงวางแผนสูตร ปรับให้เข้าทั้งยุโรปและเอเชีย

จากนั้น 3 ปีถัดมาคือปี พ.ศ.2530 เมเทสซิกซ์ จึงเฝ้าค้นทำการวิจัยตลาด วางแผนตำแหน่งของสินค้า ออกแบบกระป๋อง รวมถึงระดับความหวาน จนกลายเป็น Red Bull ซึ่งณ ตอนนั้นยังเป็นเพียงแค่น้ำอัดลมโดยจำหน่ายในราคาแพงกว่าเครื่องดื่มนิยมอย่างโค้ก 8-10 เท่า ตอกย้ำความเป็นพรีเมี่ยม และเริ่มพัฒนาต่อมาขยายช่องทางวางจำหน่ายยังประเทศอังการีและสโลเวนีย จนสร้างตลาดได้ เดินหน้ารุกบุกหน้าเข้าสหรัฐ ในพ.ศ.2540 และตะวันออกลางในปีพ.ศ.2543 จนเติบโตมาเรื่อยๆ เป็นกระป๋องสีเงินก็วางจำหน่ายและส่งขายใน 70 ประเทศ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรดบูลล์กลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มให้พลังงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลกและ เมเทสซิกซ์ ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีและได้นำเครื่องดื่มบำรุง “กระทิงแดง” โกอินเตอร์ภายใต้ชื่อ Red Bull ยอดขาย5.4 พันล้านกระป๋องและวางจำหน่ายจนสำเร็จในฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ด้วยกลยุทธ์สนับสนุนการกีฬา Extreme ต่างๆ รวมทั้งการแข่งรถ แข่งจักรยาน วิบาก ปีนเขา ทีมฟุตบอลในลีคอเมริกา และ RB Leipzig ในเยอรมันจนเป็นที่รู้จัก

 

           Red Bull ถูกส่งลงตลาดเป็นเครื่องดื่มให้พลังงาน หรือ Energy Drink การแจ้งเกิดไม่ใช่เป็นเพียงแค่แบรนด์ใหม่  แต่ยังเป็นการสร้าง New Category ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลก เพราะเครื่องดื่มในตลาดเป็นเพียงแค่ดับกระหาย เพิ่งลูกเล่น กลิ่น รสชาติและคาร์บอเนต แต่ Red Bull ขายในจุดให้พลังงาน จึงถือเป็นจุดต่าง ผสมผสานกับการทำโฆษณาเน้นประโยชน์ของสินค้า และทำการตลาดแบบทั่วโลก ปรับใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการทำการตลาดทุกช่องทางทั้งที่เป็นออฟพรีมีสหรือร้านค้าทั่วไป และออนพรีมีส หรือร้านอาหารผับบาร์ จนแบรนด์ Red Bull เริ่มเป็นที่ยอมรับ โดยส่งแคมเปญทำการตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทางด้านกีฬาต่างๆ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

            ครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีวันนี้ Red Bull เคยถูกห้ามจำหน่ายตอนแรกในฝรั่งเศล เดนมาร์กและนอร์เวย์ เนื่องจากไม่ถูกต้องตามกฎหมายในทั้งสามประเทศมีความเคลือบแคลงว่ามีส่วนผสมของกาเฟอีน ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผู้ดื่ม และช่วงนี้เองเขาต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพเป็นประจำ แต่กลับทำให้เขา เริ่มใส่ใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น มองเห็นคุณค่าเพื่อทำให้แบรนด์นี้สมบูรณ์ที่สุด จนพัฒนาปรับสูตรและถูกกฎหมายจนสามารถนำเข้าจำหน่ายได้ในเดือนพฤษภาคม 2552 และในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ในประเทศฝรั่งเศล โดยเป็นที่นิยมมากในกลุ่มนักเรียนมัธยมปลาย

            ปัจจุบัน Red Bull มีสำนักงานอยู่ในกว่า 165 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานประมาณ 8,000 คน และขยายธุรกิจแตกแบรนด์ลูก Red Bull Racing และ Scuderia Toro Rosso ในปีพ.ศ.2560เป็นหุ้นส่วนทีมฟุตบอล: นิวยอร์กเร้ดบูลส์, เรดบูลล์ซัลซ์บวร์ก, เร้ดบูลบราซิล ทีมฮอกกี้: EC Red Bull Salzburg 2 การที่ Red Bull เป็นแบรนด์ที่เข็มแข็งอย่างวันนี้ได้ เพราะให้ความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ผู้ดื่ม ดูเป็นนักกีฬา มีความกล้าท้าลุย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า กลยุทธิ์การสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์มีส่วนสำคัญ ยิ่งสร้างได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และรักษาจุดเด่นเดิมได้ดี จะช่วยให้แบรด์สำเร็จอย่างที่ Red Bull ทำได้แล้ววันนี้



บทความทั่วไป

มิตรภาพสำคัญกว่าชัยชนะ

นักวิ่งโอลิมบิกหยุดช่วยเพื่อนที่ล้มลง..เข้าเส้นชัย
2016-08-17 17:47:24, 3329 view

รู้ยัง!ฮิวโก้คือใคร

หลายคนอาจไม่ทราบว่าฮิวโก้เกี่ยวข้องอย่างไรกับ "ราชวงศ์"
2016-10-19 20:27:17, 15226 view

เมื่อฝรั่งถาม

เอิน กัลยกรถอดหัวใจเขียนบทความภาษาไทย - อังกฤษ
2016-10-22 08:51:58, 4444 view

ภาพร่วมร้องเพลงสรรเสริญ

ภาพร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
2016-10-23 09:06:17, 2444 view

วันปิยมหาราช

วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม ของทุกปี
2016-10-23 09:25:59, 5431 view