บทความ บทความทั่วไป
โพสเมื่อ 08 Mar 2019 20:20:28 1983 view
เจาะเส้นทาง Steve Jobs
Steve Jobs ผู้นำทศวรรษ21 อัจฉริยะผู้พลิกโลกแห่งวงการไอที ผู้คิดค้นคอมพิวเตอร์ Mac และเป็นสุดยอด CEO ผู้บุกปั้น Apple ผู้สร้างสรรค์ iPhone, iPad, iPod
สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะผู้เปลี่ยนโลกไอที เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ชั้นเลิศ เขาเกิดมาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1955 ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ชีวิตเขาไม่ได้สวยงามตั้งแต่เกิด พ่อแม่ได้ทิ้งไปตั้งแต่เกิด เพราะในตอนที่เขาคลอดมานั้น โจแอนซ์ ซิมสัน ผู้เป็นแม่ ยังเป็นแค่นักศึกษา และพ่อของเขานายอับดุล ฟะตะครูหนุ่มชาวซีเรีย ที่เข้ามาเรียนในประเทศอเมริกา ด้วยสภาพที่ไม่พร้อม จอบส์จึงต้องอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม พอลและคลารา เมื่อเขาอายุได้ 5 เดือน จึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย พ่อบุญธรรมขอจอบส์ทำงานเป็นช่างเครื่องบริษัทแห่งหนึ่งในท่าเรือ และมีช็อปเล็กๆ ไว้ซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ ข้างบ้านของเขา และเริ่มสอนให้จอบส์ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เด็กชายตัวเล็กๆ เริ่มซึมซับด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างดี
จนเริ่มเติบใหญ่เขาฉายแววฉลาด ได้พาสชั้นขึ้นไปถึง 4 เกรด จนได้ย้ายมาเรียนมัธยมปลาย Homestead High School ได้ทัศนศึกษา บ. Hewlett-Packard ได้มีโอกาสเจอCEO จอบส์ทำให้เขาทึ่งสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ได้ จนท่าน CEOประทับใจ เขาจึงได้มีโอกาสไปฝึกงานกับบริษัท และที่นี่เองทำให้จอบส์ได้มีโอกาสรู้จักกับ สตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ผู้ร่วมสถาปนาอีกคนของบริษัท Apple
ในช่วงค.ศ.1972 จบการศึกษาจาก โฮมสตีดไฮสคูล ในเมืองคิวเปอร์ทีโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้สมัครเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยรีด (Reed College) ในเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ก็ต้องลาพักการเรียนหลังจากเข้าเรียนได้เพียงหนึ่งภาคการศึกษา จนเมื่ออายุเพียง 21 ปี ก็ฉายแววนักธุรกิจ หลังจากนั้นเขาและสตีฟ วอซเนียก ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ขึ้นในปี 1976 โดยใช้โรงรถข้างบ้านเป็นออฟฟิศ และผลิตApple I คอมพิวเตอร์เครื่องแรกนำสู่สายตาชาวโลก โดยตั้งราคา 666.66 ดอลลาร์ ซึ่งในยุคแรกนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ไม่มีแป้นพิมพ์ ไม่มีหน้าจอ ที่ระบบ CPU มีความเร็วถึง 1 เมกกะเฮิร์ซ มี RAM 8 K ถือว่าอลังการมากในยุคนั้น และในไม่นานเขาก็สามารถขายคอมพิวเตอร์กับร้านท้องถิ่นได้ 50 เครื่อง โดยวอซเนียกเป็นผู้ออกแบบสินค้า ส่วนจ็อบส์ทำหน้าที่นักการตลาด และค.ศ.1977 ก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์Apple II ออกมาตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ไฉไลกว่าเดิม คอมพิวเตอร์ถูกออกแบบด้วยการห่อหุ้มด้วยกรอบพลาสติก พร้อมหน้าจอ มีดิสก์ไดรฟ์ จัดว่าเป็นช่วงปฎิวัติคอมพิวเตอร์ในยุคแรก
ในปี ค.ศ 1981ยอดขายบริษัท Apple ทะยานพุ่งสูงใน 3 ปีหลังจากออกตัว จนพาบริษัทก้าวกระโดดระดับมหาชน เปิดขายหุ้นให้บุคคลทั่วไป กว่า 5 ล้านหุ้น ถูกกว้างซื้อเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที มูลค่าบรัทกระโดดขึ้น 32%ในวันแรก จนจอบส์หนุ่มไฟแรงในวัย 25 และวอซเนียกในวัย 30 กลายเป็นมหาเศรษฐีภายในข้ามคืน จนปีค.ศ.1984 ตามมาด้วยความสำเร็จ ผลิตเครื่องแมคอินทอชรุ่นแรกเพื่อตอบสนองงานผู้ใช้แบบกราฟฟิก ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นมาชีวิตที่กำลังโลดแล่น กับดิ่งวูบลง ในปี ค.ศ.1985 จอบส์ถูกมองว่าเป็นผู้จัดการที่มีบุคลิกแปลกประหลาดและโมโหร้าย ใครๆก็ทำงานด้วยยาก จอบส์ถูกบีบให้ต้องลาออกจากบริษัท Apple ที่เขาร่วมก่อตั้งมา ช่วงเวลานี้ความคิดกลับจุดประกายยิ่งขึ้น เขาไม่จมอยู่กับชื่อเสียงหรือท้อต่อโชคชะตา กลับมาบุกธุรกิจพัฒนาไอทีอีกครั้ง เพราะไม่ต้องแบกรับความกังวล หรือความคาดหวังจากใคร เขากล้าทำสิ่งที่ตัวเองรัก หันมาก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ขึ้นใหม่ โดยใช้ชื่อ เนกซ์ Next เป็นบริษัทคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์พื้นฐานของซอฟท์แวร์ ระบบปฎิบัติการของบริษัทแอปเปิ้ลในปัจจุบัน อย่างMac os10 และ บริษัทพิกซาร์ Pixar สตูดิโอสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โด่งดัง เช่นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี (Toy Story)
ราวค.ศ.1997 จอบส์กลับมาคัมแบ็ค อยู่กับแอปเปิ้ลอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่บริษัทกำลังล้มสลาย เขาทำหน้าที่ควบสองบริษัท ก่อนที่จะขายพิกซาร์ให้กับดีสนีย์ ด้วยการแลกหุ้น เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของดีสนีย์ด้วยกัน หลังจากเขากลับมากอบกู้ บริษัท Apple ได้สั่งปลดคณะกรรมการบริหารชุดเก่าเกือบหมด เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าผู้นำชุดเก่าบริหารดี บริษัทคงไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ และเขาต้องการสร้างความเชื่อมั่นกลับคืน สร้างภาพพจน์ที่ดีแก่บริษัท ในฐานะCeo เขาตัดสินใจตัด Appleออก และเจรจากับ Bill Gates เกี่ยวกับการยืนฟ้องไมโครซอฟต์ โดยมีข้อตกลงขายหุ้น Appleในจำนวน 150 million ยอมแลกเพื่อก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม เพื่อขอสัญญาในการใช้ Microsoft office และ Internet Explorer ให้สามารถใช้ร่วมกับเครื่อง Mac ได้ ทำให้ผู้ใช้บริการเครื่อง Mac สะดวกสบาย ขายฐานได้กว้างขึ้น
และเริ่มสร้างตัวเองแบบเงียบๆ ในปี 1998 ออกสินค้าใหม่ iMac จนกลายเป็นที่นิยม และพัฒนาระบบต่อเนื่องมาเป็น OS X เพื่อต่อเชื่อมกับอุปกรณ์พ่วงกล้องบันทึกวิดิโอ เพื่อให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น นี่จึงเป็นจุดที่พัฒนา Mac และโครงการนี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเสนอความคิดนี้ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Adobe แต่กลับถูกปฎิเสธ แต่ไม่ได้ทำให้เขาท้อถอย กลับยิ่งทำให้มีแรงฮึดพิสูจน์ตัวเองยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาลงมือทำมันเอง จนเข้าสู่ธุรกิจโปรแกรม OS X จนมาสู่โปแกรม iMovie และเติบโตสร้าง iPod iPhone และ iPad ผงาดแซงหน้าคู่แข่งไมโครซอฟท์ ได้สำเร็จ จอบส์ได้พาApple สู่ยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ สามารถต้านทานภาวะฟองสบู่ และมุ่งออกแบบลูกเล่นที่ล้ำต่อไป
บั้นปลายชีวิต จอบส์ได้ลาออกจาก CEO ในเดือนสิงหาคม ค.ศง2011 หลังจากมีปัญหาสุขภาพ เขาต้องต่อสู้กับมะเร็งตับอ่อน แม้จะผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายนั้นออกแล้ว จนน้ำหนักตัวเขาเริ่มลดลง เพราะภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมน ตั้งแต่ ค.ศ2004 จนลาโลกนี้ไปในค.ศ.2011 ในวัย 56ปี อย่างสงบด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน หลังจากที่ Apple ประกาศตัวเปิด IPhone 4S ได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ปัจจุบันบริษัท Apple ยังคงเป็นบริษัทที่สร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ และยังถูกยกย่องว่าเป็นบริษัทที่มีศิลปะสร้างสรรค์ ผนวกเทคโนโลยีที่ลงตัว จนกลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งที่สำคัญของโลกในธุรกิจคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
แม้ว่าจอบส์จะจากโลกนี้ไปแล้วแต่นวัตกรรมที่เขาสร้างมายังส่งต่อผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ในความสำเร็จของเขา สิ่งที่เห็นได้คือการมี “ความฝัน” และการ “เชื่อมั่นตนเอง” ใช้วิธีทำงานอย่างฉลาดเพื่อต่อยอดสานฝัน มุ่งมั่นพัฒนาความแปลกใหม่ และความคิดทันสมัย มีความพยายาม แม้จะเจออุปสรรคหนักๆ หลายครั้งก็ไม่ยอมแพ้ จนมีวันนี้ แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์โดดเด่นอย่าง บิลเกตต์ แต่เขามีวิธีเลือกคนเก่งๆ อย่าง Wozniak มาร่วมงานเพราะมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ และกล้าที่จะคิดนอกกรอบ เหมือนดังคำที่จอบส์กล่าวไว้ว่า
It’s better to be a pirate than to join the navy
บางครั้งการอยู่นอกกรอบแบบโจรสลัดก็ยังดีกว่าการต้องอยู่ในกฏระเบียบแบบทหารเรือ
https://hilight.kapook.com/view/63423
บทความทั้งหมด
บทความทั่วไป
มิตรภาพสำคัญกว่าชัยชนะ
รู้ยัง!ฮิวโก้คือใคร
